ค่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่ควรเปลี่ยน …. ดูจากอะไร

ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะเจอในกรณีของรถจอดทิ้งไว้นานได้แก่ สตาร์ทรถติดยาก หม้อน้ำรั่ว ยางรถเสื่อม  น้ำมันเสื่อมสภาพ  แบตเตอรี่หมด ไดชาร์จมีปัญหา ฯลฯ  เจ้าของรถบางท่านอาจมีอุปกรณ์เครื่องมือในการซ่อมแซมเบื้องต้นและสามารถดำเนินการเองได้ แต่บางท่านอาจต้องเรียกใช้บริการศูนย์รถหรืออู่ซ่อม และนั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องตามมาแค่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง 

 

แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานแรกในการจ่ายไฟเข้าระบบสตาร์ทของเครื่องยนต์ เมื่อรถสตาร์ทติดแล้ว ไดชาร์จจะทำงานด้วยการชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่สำรองไว้เต็มอยู่เสมอ ส่วนใหญ่แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแล

 

แล้วค่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่ควรเปลี่ยนตามหัวข้อนั้นหมายถึงอะไร  

 

เมื่อคุณต้องเข้าใช้บริการร้านเปลี่ยนแบตรถยนต์24ชม. คุณคงได้ยินพนักงานพูดถึงเรื่องหน่วยทางไฟฟ้าต่างๆแล้วบ้าง ซึ่งในคำเหล่านั้นก็มีหน่วยค่าวัดแบตเตอรี่ ว่าแบตยังใช้ได้หรือต้องโยนทิ้งแล้วเปลี่ยนลูกใหม่นั่นเอง ค่าวัดแบตเตอรี่รถยนต์มีอะไรบ้าง 

 

โวลต์ (Volt / v) คือค่าแรงดันไฟฟ้าซึ่งมีหน่วยเป็นโวลต์ ซึ่งโวลต์ก็มาจากชื่อของนักฟิสิกส์ท่านหนึ่งชาวอิตาลี นาม อเล็ซซานโด โวลต้า ที่คิดค้นแบตเตอรี่ขึ้นมา จึงตั้งชื่อหน่วยเป็นโวลต์เพื่อเป็นเกียรติแก่นักฟิสิกส์ท่านนั้น และรถยนต์ทั่วไปจะมีแบตเตอรี่12v

 

แอมป์ (Ampare hour / Am) คือค่าความจุไฟฟ้าในความสามารถจ่ายกระแสไฟคงที่ของแบตเตอรี่ลูกนั้นๆโดยมีหน่วยเป็นแอมป์ต่อชั่วโมง 

 

CCA  (Cold Cranking Ampre) ค่ากระแสไฟที่จ่ายได้สูงสุดในระยะเวลา 30 วินาที ที่แบตเตอรี่ส่งให้รถเพื่อที่จะหมุนไดสตาร์ท ค่า CCA ต่ำ กระแสไฟก็ต่ำด้วย

 

หากจะเปรียบเทียบให้มองเห็นภาพง่ายๆเหมือนเวลาที่เราเปิดก๊อกน้ำจากถังเก็บน้ำ แล้วน้ำไหลแรงดีโดยไม่ขาดสาย โดยแอมป์ก็คือปริมาณน้ำในแท็งก์ โวลต์ก็คือแรงดันน้ำ และค่าCCA ก็คือหัวก๊อกน้ำ และต่อให้มีน้ำเต็มถัง แต่ถ้าหัวก๊อกเล็ก น้ำก็ไหลดีแต่เป็นสายเล็กๆตามขนาดหัวก๊อกน้ำ  



เคยสงสัยไหมว่าแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ไฟกี่โวลต์ 

ปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์กี่โวลต์กันนะ...โดยทั่วไปค่าแรงดันไฟจะอยู่ระหว่าง 12-12.8 โวลต์ ถ้าแบตเตอรี่มีค่าต่ำกว่านี้ก็เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เริ่มมีปัญหา และเมื่อเช็คค่าแรงดันไฟหลังจากดับเครื่องยนต์ 4-6 ชั่วโมงแล้วได้ค่าต่ำกว่า12โวลต์ อาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เริ่มเก็บไฟไม่อยู่ แต่ถ้าวัดแล้วค่าต่ำกว่า 11v เป็นค่าแบตเตอรี่ที่ควรเปลี่ยน เพราะนั่นบ่งบอกว่าแบตเตอรี่เสื่อม ควรทำการเปลี่ยนแบตได้แล้ว 

 

หลังจากจอดรถทิ้งไว้แม้เพียงแค่1คืนก็ตาม พอตอนเช้ามารถก็มีอาการสตาร์ทไม่ติดเสียอย่างนั้น ซึ่งก็อาจเป็นไปได้หลายกรณี แต่ถ้าแบตเตอรี่เสื่อม อันนี้ต้องทำการเปลี่ยนแบตลูกใหม่เท่านั้นถึงจะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่อาการแบบไหนคือแบตเสื่อม?


รู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่รถเสื่อม แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจะมีอาการดังนี้ 

 

1.รถสตาร์ทติดยาก ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าๆที่มีอากาสเย็นๆ หรือจอดไว้นานๆ หากจอดรถสักพักแล้วไปสตาร์ทรถใหม่จะติดยากหรือมีเสียงดังที่มอเตอร์นั่นก็เป็นอาการที่เตือนว่าแบตกำลังเสื่อม 

 

2.แบตเตอรี่ไม่มีกำลัง สตาร์ทติดแต่อ่อนกำลัง กำลังของแบตเตอรี่เรียกว่าค่า CCA คือปริมาณแอมป์ที่แบตเตอรี่ส่งให้รถเพื่อที่จะหมุนไดสตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจากนั้นจะเกิดระเบิดขึ้นทำให้เครื่องยนต์ทำงานไปได้ แต่ตอนแรกต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในการหมุนเครื่องยนต์ก่อน แบตเตอรี่ 80-100A จะให้ Cold   Cranking Ampre ถึง300-400 ในการสตาร์ทรถยนต์ได้ในเวลาสั้นๆประมาณ 30วินาที เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพค่า CCA จะต่ำจนไม่สามารถสตาร์ทได้ นั่นคือค่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่ควรเปลี่ยน  

 

3.แบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ ต่อให้ชาร์จไฟเต็มจนโวลท์สูงขึ้นแต่พอเราทิ้งไว้สักพักโวลท์จะตกลงมาแล้วก็สตาร์ทไม่ติด ก็ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เช่นกัน 

 

4.แบตเตอรี่ตาย คือไม่สามารถรับการชาร์จไฟได้อีกแล้ว เพราะแบตเตอรี่ได้คายประจุไฟฟ้าออกหมด ถึงจะใช้การจั๊มป์อาจทำให้สตาร์ทติดได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้น ดังนั้นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่



สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพมีอะไรบ้าง

 

  • ไฟหน้าถูกเปิดทิ้งไว้บ่อยๆ ทำให้แบตฯทำงานหนัก 

 

  • ไดชาร์จเสีย ไดชาร์จมีหน้าที่สร้างกระแสไฟจากเครื่องยนต์แล้วส่งไปยังแบตเตอรี่เพื่อเก็บไว้สำรอง หากไดชาร์จเสีย จะส่งผลต่อไฟในแบตเตอรี่หมด ทำให้เครื่องยนต์ดับ และถ้าสายพานหย่อนหรือตึงเกินไป ก็อาจทำให้ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ได้ไม่เต็มที่ ไฟแบตเตอรี่ก็จะหมดเร็ว 

 

  • ไฟรั่ว เนื่องจากการเก็บสายไฟไม่เรียบร้อยในขณะทำการติดตั้ง

 

  • ชิ้นส่วนอื่นๆภายในแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการลัดวงจร

 

  • น้ำกลั่นสกปรกก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเก็บไฟของแบตเตอรี่

 

  • จอดรถทิ้งไว้นาน ถึงรถจะถูกจอดไว้เฉยๆ แต่แบตเตอรี่ก็ยังจ่ายไฟเลี้ยงระบบไฟฟ้าในรถตลอดเวลาทำให้กำลังไฟในแบตเตอรี่อ่อนลงเรื่อยๆจนแบตเตอรี่เสื่อมในที่สุด  



เมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ มีหลายๆคนที่เรียกใช้บริการทางร้านเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่จัดการให้เสร็จสรรพ จอดทิ้งไว้ที่ร้านให้ช่างจัดการ ถึงเวลาก็มารับและขับกลับบ้านสบายๆกันไป แต่อีกหลายๆท่านที่อาจทำการเลือกซื้อแบตเตอรี่เองติดตั้งเองพอมีความรู้เรื่องแบตเตอรี่อยู่แล้ว แต่บางท่านอาจจะยังลังเลในการเลือกที่ไหนเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ราคาไม่แพง หรือจะซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี ต้องขนาดกี่แอมป์ถึงจะดี



แบตเตอรี่รถยนต์กี่แอมป์ และ การเลือกปริมาณแอมป์แบตเตอรี่ 

 

แอมป์แบตเตอรี่ควรมีความสอดคล้องกับเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์เล็กก็ใช้แอมป์น้อย ถ้าเครื่องยนต์ใหญ่ก็ใช้แบตที่มีแอมป์สูง เช่น รถยนต์ขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 2000cc ใช้แบตเตอรี่ที่มีแอมแปร์ขนาด 45-50 แอมป์  หรือ รถกระบะที่มีเครื่องยนต์ขนาด 2500-3000cc ใช้แบตเตอรี่ที่มีแอมแปร์ขนาด 90 แอมป์ขึ้นไป แต่ถ้ารถมีการติดเครื่องเสียงหรือฟังก์ชั่นอื่นๆเพิ่มเติม ก็อาจต้องมีการเพิ่มขนาดแอมป์ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้สัมพันธ์กับขนาดไดชาร์จด้วย 

 

ค่าความจุของแบตเตอรี่ที่เขียนติดมากับแบตเตอรี่นั้นจะเป็นตัวเลขและอักษร เช่น แบตเตอรี่ 12v 90Ah หมายถึงแบตเตอรี่มีค่าแรงดัน12 โวลต์ และค่าการปล่อยกระแสคงที่ 90 แอมแปร์/ชั่วโมง ซึ่งทั่วไปจะคิดกันที่ 20 ชั่วโมง  โดยส่วนมากแบตเตอรี่ที่ติดรถมาตั้งแต่ออกจากโรงงานจะมีค่าความจุที่คำนวณให้เพียงพอต่อการใช้งานเท่านั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ ควรเพิ่มค่าแอมป์ให้มากกว่าเดิมสักประมาณ 5-10Ah เช่น หากแบตเตอรี่แห้งลูกเดิม 12v 90Ah อาจเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่แห้ง 12v 95Ah หรือ 12v 100Ah เป็นต้น เนื่องจากรถเมื่อมีการใช้งานไปนานๆ อะไหล่ต่างๆก็ย่อมมีการเสื่อมไปตามสภาพกาลเวลาหรือตามลักษณะการใช้งาน การทำงานของระบบการนำไฟฟ้าก็เช่นกัน ดังนั้นต้องเพิ่มเผื่อไว้สำหรับการจ่ายกระแสไฟเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน 




แบตเตอรี่มีกี่ประเภท

ควรทำความเข้าใจถึงชนิดของแบตเตอรี่รถยนต์กันก่อนว่ามีกี่ประเภท จะได้รู้หลักในการเลือกซื้อแบตเตอรี่โดยไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินฟรีเพราะซื้อแบตผิดขนาด บางร้านอาจมีการให้เปลี่ยนแต่บางร้านก็ไม่ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า 

 

ชนิดของแบตเตอรี่ที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบันจะมี 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 

 

1.แบตเตอรี่น้ำกลั่น คือแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น มีน้ำอยู่ภายในเป็นตะกั่วกรด มีรูไว้ให้คอยเติมน้ำกลั่น ต้องชาร์จไฟถึงจะใช้งานได้ มีความทนทาน มีอายุการใช้งานประมาณ1.5-2 ปี แต่ไม่เกิน3ปี มีแผ่นพลวงด้านในไว้สำหรับประจุไฟ แต่จะไม่ค่อยทนเท่าแผ่นตะกั่ว ขับรถวิ่งได้สัก 4,000-5,000 กม./เดือน ก็ต้องคอยตรวจสอบระดับน้ำกลั่นหรือเดือนละ2ครั้ง อย่าปล่อยให้น้ำกลั่นหมดบ่อยๆ เพราะไม่นานแบตจะพัง เหมาะกับคนที่มีเวลาดูแลและรู้เรื่องรถอยู่บ้าง เพราะต้องคอยตรวจเช็ครถอยู่เสมอ 

 

  • ข้อดี มีความทนต่อประจุไฟฟ้าและความร้อนของเครื่องยนต์ได้ดี มีอายุการใช้งานนานและเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ราคาถูกกว่าแบตชนิดอื่น 

 

  • ข้อเสีย น้ำกรดระเหยเร็วจึงต้องคอยเติมน้ำกลั่นเสมอ ยิ่งมีการใช้งานยิ่งต้องเติมบ่อยและเกิดขี้เกลือได้ง่าย  

 

2.แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง (MF) หรือ Maintenance Free คือแบตเตอรี่แบบพร้อมใช้ ชาร์จงานมาจากโรงงานแล้ว สามารถใช้งานได้เลย ยังมีรูให้เติมน้ำกลั่นได้ ไม่ต้องดูแลบ่อยเท่าแบตเตอรี่แบบน้ำ  มีอายุการใช้งานประมาณ 2ปี เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเติมน้ำกลั่น ไม่ต้องบำรุงรักษามาก แต่ก็ยังต้องตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นอยู่ เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ส่งผลให้น้ำกรดในแบตเตอรี่มีการระเหยได้ โดยเฉพาะเวลาที่รถจอดกลางแดดหรือช่วงเวลารถติดไฟแดง ดังนั้นควรคอยเช็คและเติมน้ำกลั่นอย่างน้อยปีละครั้ง หรือเมื่อรถวิ่งได้สักประมาณ 10,000-15,000 กม. 

 

  • ข้อดี คือไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยและดูแลรักษาง่ายกว่าแบตเตอรี่ชนิดน้ำ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์ และไม่มีเวลาดูแล 

 

  • ข้อเสีย มีอายุการใช้งานสั้นกว่าและราคาสูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ

 

3.แบตเตอรี่แห้ง หรือ แบตเตอรี่พร้อมใช้SMF คือ แบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน แต่ก็ยังมีของเหลวภายในและมีตาแมวสำหรับให้เช็คระดับน้ำกรดและไฟ มีรูระบายอากาศ และมีแผ่นซีลปิดไว้หลายชั้นเพื่อป้องกันน้ำกรดในแบตเตอรี่ระเหย 

 

  • ข้อดีคือ มีอายุใช้งานยาวนาน แม้จะจอดรถทิ้งไว้นานแค่ไหนแบตเตอรี่ก็ยังเก็บไฟอยู่และสามารถสตาร์ทได้ปกติ ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น เหมาะกับคนไม่มีเวลาดูแลหรือไม่มีความรู้เรื่องรถ

 

  • ข้อเสียคือ มีโอกาสที่จะเกิดการอุดตันและส่งผลต่อแรงดันภายใน และมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำกลั่นและแบตกึ่งแห้ง 

 

4.แบตเตอรี่ไฮบริด มีส่วนผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียม โดยจะมีการระเหยน้ำกลั่นน้อยกว่ารุ่นธรรมดา เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนามาจากแบตชนิดน้ำ แต่มีกำลังแรงสตาร์ทมากกว่าและมีอายุการใช้งานนานกว่า 

 

และก่อนจะซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่ ต้องทำการตรวจสอบให้ดีก่อนว่า รถที่ใช้อยู่นั้นเป็นรถยี่ห้อและรุ่นใด สามารถติดตั้งแบตเตอรี่ชนิดใดได้บ้าง



การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ 

ถ้ารถที่ไม่มีการเพิ่มเสริมแต่งอุปกรณ์ใดๆอีก คือออกมาจากศูนย์รถอย่างไรก็ใช้แบบนั้น อีกทั้งผู้ขับขี่อาจไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์ การเลือกซื้อแบตเตอรี่แบบแห้งหรือกึ่งแห้งก็น่าสนใจเพราะเป็นแบตเตอรี่แบบพร้อมใช้ สามารถใช้งานได้ทันที และไม่ต้องคอยดูแลมากมาย

 

กรณีที่รถมีการเติมแต่ง เช่น เครื่องเสียง ไฟตัดหมอก หรืออื่นๆ การเลือกใช้แบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นจะเหมาะในการใช้งานมากกว่า เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆจะทำให้การนำกระแสไฟไปใช้จำนวนมาก หากใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง จะทำให้อายุแบตสั้นลงอย่างรวดเร็ว 



ต้องเลือกขนาดแบตเตอรี่เท่าไร

การเลือกขนาดของแบตเตอรี่ต้องคำนึงถึงขนาดช่องใส่แบตด้วยว่ามีความกว้าง×ยาว เท่าไร อย่างปกติรถใส่แบตเตอรี่ขนาด 45 แอมป์ แล้วมีการติดตั้งเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์เพิ่มเต็มรถ อาจเพิ่มขนาดแบตเตอรี่เป็น 60 แอมป์ เพราะสามารถขยายใหญ่ได้แต่ไม่ควรเกิน 30 แอมป์ ซึ่งก็ต้องดูว่าช่องใส่แบตสามารถใส่แบตเตอรี่ลูกใหญ่ขึ้นได้หรือไม่ แต่ไม่แนะนำให้ใส่แบตเตอรี่ลูกใหม่ที่มีขนาดเล็กลงกว่าลูกเดิม เช่น แบตเตอรี่ลูกเดิม 60 แอมป์ แต่นำแบตเตอรี่ขนาด 45 แอมป์ มาใส่แทน ใช้ไปไม่นานก็เกิดปัญหาไฟไม่พอใช้ บ่อยเข้าอาจส่งผลต่ออายุการทำงานแบตเตอรี่สั้นลงได้เช่นกัน  และเมื่อจะไปซื้อแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นที่ร้านแล้วไม่แน่ใจว่าจะใส่ได้หรือไม่ ก็อาจถ่ายรูปขนาดแบตเตอรี่ลูกเดิมและขนาดช่องใส่แบตเตอรี่ไปให้พนักงานที่ร้านช่วยดูได้ 



แบตเตอรี่ขั้วL และ แบตเตอรี่ขั้วR คืออะไร / การเลือกขั้วแบตเตอรี่

แบตเตอรี่มี 2 ขั้ว คือ ขั้วL และ ขั้วR  ต้องดูว่ารถของคุณมีขั้วบวกอยู่ด้านไหน เพราะรถยนต์แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาแตกต่างกัน หากเลือกซื้อขั้วผิดจะทำให้สายบวกรถไม่สามารถคล้องกับแบตเตอรี่ได้ เพราะฉะนั้นหากแบตลูกเดิมเป็นขั้วL ก็ซื้อลูกใหม่เป็นขั้วL  ปกติแบตเตอรี่จะมี L,R  กำกับท้ายรุ่นของแบตเตอรี่ เช่น แบตเตอรี่รถเก๋งแบบเติมน้ำ  NS40R  ( NS40 : รุ่นแบตเตอรี่ / R : ขั้วบวกด้านขวา )   หรือ NS80L (NS80 : รุ่นแบตเตอรี่  / L : ขั้วบวกด้านซ้าย)  



แบตเตอรี่ขั้วจม-ขั้วลอยต่างกันอย่างไร 

ขั้วลอย คือขั้วที่อยู่บนตัวแบตสามารถเห็นขั้วได้ชัดเจน และ ขั้วจม คือขั้วจะอยู่ในแบตเตอรี่ไม่เห็นเด่นชัดเหมือนขั้วลอย การเลือกขั้วแบตเตอรี่ก็สำคัญ เพราะถ้าคุณนำแบตเตอรี่ขั้วลอยมาใส่ในแบตเตอรี่ขั้วจม คุณจะไม่สามารถปิดฝากระโปรงรถได้ และเมื่อทำการสตาร์ทรถอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหาย



เปลี่ยนแบตรถยนต์ราคาเท่าไร

เมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะแบตเตอรี่หมด แบตเตอรี่เสื่อม หรือแบตเตอรี่หมดอายุก็ตาม ก็ไม่พ้นกับค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวแปรหลักๆในการตัดสินใจซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งอาจมีบางคนลังเลระหว่างแบตเตอรี่มือใหม่กับแบตเเตอรี่มือสอง เราจึงมีราคาคร่าวๆมาให้ลองเปรียบเทียบดูกันก่อน

 

แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดแห้ง แบตเตอรี่แห้งชาร์จไฟได้ไหม ตอบได้เลยว่าชาร์จไฟได้ง่ายกว่ามาก ขั้นตอนการดูแลไม่ซับซ้อน และมีค่า CCA กำลังสตาร์ทสูงกว่า ทำให้มีราคาที่แพงกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา แบตเตอรี่แห้งราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถ แบตกี่แอมป์ ขนาดแบตเตอรี่ และระยะเวลาการรับประกัน ส่วนใหญ่การรับประกันอายุของแบตเตอรี่แห้ง12vจะอยู่ที่ระยะเวลา 1-2 ปี และราคาแบตแห้งเริ่มต้นที่ 1,000 - 6,000 บาท 

 

ราคาแบตเตอรี่แห้งมือสอง ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 500-3,700 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพและขนาดแอมป์ของแบตเตอรี่ หรือแล้วแต่ทางร้านจะกำหนดราคา และบางร้านอาจมีส่วนลดหากนำแบตลูกเก่าไปแลกซื้อ ซึ่งอาจลดได้ตั้งแต่ 300-1,000 บาท

 

แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานานก่อนที่จะมีแบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ราคาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ชนิดของรถ จำนวนแอมป์ ค่าCCA และระยะเวลาการรับประกัน เช่นเดียวกับแบตชนิดอื่นๆ ระยะเวลารับประกันเริ่มที่ 1-2 ปี ราคาส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 1,200-5,000 บาท 

 

แบตเตอรี่มือสองราคาเริ่มที่ 200-1,800 บาท โดยราคาขึ้นอยู่กับสภาพของแบตเตอรี่ อาจมีการรับประกันให้ไม่เกิน 2 เดือน แล้วแต่การตกลงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย 

 

แบตเตอรี่แบบน้ำจะเป็นแบตเตอรี่ราคาถูกสุด แต่แบตเตอรี่แห้งมีกำลังไฟชาร์จมากกว่า ทุกครั้งที่ซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ต้องทำการเช็ควันหมดอายุของแบตเสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นแบตเตอรี่มือสองก็ตาม เพราะถ้าวันหมดอายุของแบตเตอรี่สั้นเกินไป ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณแล้วว่าคุ้มหรือไม่ 

 

6ข้อที่ควรทำก่อนจอดรถทิ้งไว้นานๆ 

 

1.ควรจอดรถในที่ร่มและโล่ง หรือมีลมระบายอากาศได้ดี เพราะถ้าจอดรถในที่แจ้งหรือในที่อับและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะมีผลต่อชิ้นส่วนของรถที่เป็นยางหรืออะไหล่ที่เป็นพลาสติกรอบๆตัวรถเสื่อมได้ไว 

 

2.ทำความสะอาดรถเพื่อขจัดคราบหรือฝุ่นที่จะฝังอยู่ในตัวรถยิ่งถ้าปล่อยไว้นานๆก็จยิ่งฝังลึกลงไปจนเคลือบสีผิวรถได้ 

 

3.ควรมีการสตาร์ทรถ1-2 ครั้ง/สัปดาห์เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ล้อรถได้มีการเลื่อนบ้างไม่ให้กดทับด้านเดียวจนเกิดยางแบน ให้เครื่องยนต์ได้มีการทำงาน เพื่อป้องกันการสึกหรอ และควรวอร์มเครื่องเพื่อป้องกันการเกิดสนิมจากความชื้นที่ฝังตัวตามท่อไอเสีย เนื่องจากไม่ได้มีการใช้รถนาน

 

4.เติมลมยางให้มากกว่าปกติ เพราะล้อยางจะเป็นตัวที่รับน้ำหนักของรถทั้งหมดในขณะที่จอดทิ้งไว้ทำให้มีลมค่อยๆซึมออก และถ้าเติมลมในปริมาณปกติจะทำให้ลมรั่วซึมหมดไวจนทำให้ยางแบน และเมื่อถึงเวลาที่จะใช้รถก็ขับไม่ได้ ทำให้เสียเวลาและอาจทำให้คนขับหัวร้อนแทน

 

5.เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนจอดรถไว้นานๆ เนื่องจากถังน้ำมันจะมีชั้นอากาศและชั้นน้ำมันอยู่ หากมีน้ำมันอยู่น้อยก็ทำให้ชั้นอากาศมีมากและอาจเกิดความชื้นเกาะในถังได้ ถ้าเป็นรถที่เติมน้ำมันเบนซิน ควรเติมน้ำมันเบนซิน95เพียวๆ เพราะถ้าเป็นแก๊สโซฮอล์สามารถที่จะระเหยออกไปได้เมื่อทิ้งไว้เป็นเวลานานและระดับความเข้มข้นของเชื้อเพลิงมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงและอาจส่งผลให้เครื่องน๊อค แต่น้ำมันเบนซินจะไม่มีผลใดๆ 

 

6.ชาร์จแบตเตอรี่ เป็นข้อที่สำคัญมากที่สุด เพราะถึงแม้รถจะจอดไว้เฉยๆ แต่แบตเตอรี่รถยนต์จะคายประจุอยู่ตลอดเวลาทำให้กำลังแบตอ่อนลงเรื่อยๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อสตาร์ทรถที่จอดทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วสตาร์ทติดยาก เมื่อจะชาร์จแบตเตอรี่ ต้องดูว่ารถของเราใช้แบตเตอรี่ชนิดใดแล้วจึงทำการชาร์จแบต โดยเสียบให้ตรงกับขั้ว ดูว่าขั้วบวกขั้วลบของรถอยู่ตำแหน่งใดและพยายามอย่าเสียบสลับขั้ว 

 

เพียงทำตาม6ข้อนี้ ก็จะช่วยคุณถนอมอะไหล่และตัวรถอยู่กับคุณไปได้นานๆโดยไร้ปัญหากวนใจก่อนเวลาอันควร 

 

และอย่าลืมว่าในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง ควรเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่กับร้านหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ เพราะในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง หากติดตั้งแบตเตอรี่รถไม่ถูกต้องอาจทำให้ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ได้รับการเสียหายหรือรวนได้

 

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแบตเตอรี่กับบริษัทที่น่าเชื่อถือยังสามารถเคลมแบตเตอรี่ได้ถ้าในกรณีที่แบตเตอรี่มีปัญหาและทางบริษัทอาจมีแบตเตอรี่สำรองให้ใช้ในระหว่างเคลมแบตเตอรี่ มีบริการตรวจสอบเครื่องยนต์ส่วนต่างๆให้ฟรี พร้อมทั้งคำแนะนำต่างๆ เรียกได้ว่าบริการหลังการขายฟูลออฟชั่นเกินคุ้ม!!

04 พฤษภาคม 2564

ผู้ชม 48673 ครั้ง

Engine by shopup.com